พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เข้าสู่ระบบ
หน้าแรก
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ค้นหาข้อมูล
เข้าสู่ระบบ
หลวงพ่อสำเภา สุ...
หลวงพ่อสำเภา สุชาโตภิกขุ สำนักสงฆ์จอมดอยพนมเศษ ต.พนมเศษ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์
อีก 1 เกจิที่เรียกได้ว่าชาวบ้านตำบลพนมเศษเคารพศัทธามากในยุคปี 2500กว่าๆ แต่ในขณะนี้กาลเวลาผ่านไปนาน หรือเรียกได้ว่า เกจิที่ถูกลืม แต่สำหรับลูกศิษย์บางท่านอาจยังไปมาแวะเวียนขึ้นไปกราบสรีระของท่านไม่ขาดเหมือนกัน ณ.ปัจจุบันได้มีพระขึ้นไปอยู่จำพรรษา และสืบสานบูรณะปฏิสังขรณ์ต่อจากหลวงปู่สำเภา แล้ว อยู่ระหว่างกำลังพัฒนา ท่านชื่อ พระอาจารย์เสือ หรืออีกนาม พระมหาอนาลโย
ประวัติหลวงพ่อสำเภา สุชาโตภิกขุ หลวงพ่อสำเภาท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๑ เป็นชาวจังหวัดชัยนาท และเป็นศิษย์ของหลวงพ่ออ่ำ วัดตลุก จังหวัดชัยนาท ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่ออ่ำอายุ ๖๔ ปี และหลวงพ่อสำเภาได้อายุ ๒๐ ปี หลวงพ่อสำเภาในขณะนั้นได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ศึกษาวิชาจากหลวงพ่ออ่ำในห้วงระยะเวลา ๗ ปีหลัง ก่อนหลวงพ่ออ่ำมรณะภาพในปี พ.ศ.๒๔๖๘ ศิริอายุ ๗๑ ปี
ซึ่งมีเอกสารบันทึกอ้างอิงของหลวงพ่อสำเภากล่าวถึงหลวงพ่ออ่ำอยู่ตอนหนึ่ง และช่วงเวลาหลังจากนั้นหลวงพ่อสำเภาท่านก็ได้ศึกษาวิชาจากครูบาอาจารย์ต่างๆด้วยตามช่วงลำดับอายุซึ่งจะกล่าวในโอกาสต่อๆไป
ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๐๘ ขณะที่หลวงพ่ออายุ 67 ปีนั้น หลวงพ่อได้นิมิตถึงพระบรมสารีริกธาตุว่าได้ประดิษฐานอยู่ ณ.ที่แห่งใดแห่งหนึ่งจึงออกธุดงค์ตามหาเพื่อหวังที่จะบูรณะปฏิสังขรณ์เพื่อเป็นการดำรงพุทธศาสนาให้คงอยู่ ตั้งแต่จังหวัดสระบุรีจนถึงจังหวัดสุโขทัย โดยการธุดงค์ปักกรดตามสถานที่ต่างๆ เพื่อค้นหาพระธาตุที่ท่านได้นิมิตถึง
ระหว่างท่านธุดงภ์นั้น ด้วยความเมตตาของท่านๆได้โปรด และช่วยเหลือชาวบ้าน ระหว่างทางไม่ว่าเป็นรักษาชาวบ้านด้วยยาสมุนไพร แก้อาการไข้ บาดเจ็บ รวมถึงอุบัติเหตุต่างๆ ที่ต้องใช้ยาสมุนไพรรักษาเพราะสมัยนั้น ยูกยาหายากยิ่งรวมถึงมีราคาแพง รวมถึงมอบเครื่องรางป้องกันอันตรายจากเภพภัยต่างๆ และเครื่องรางการค้าการขาย
ในสมันนั้นของที่หลวงพ่อมอบให้สานุศิษย์ติดตัวจะทำมาจากของที่หาง่ายตามธรรมชาติ อย่างเช่นไม้ไผ่ลวกก็นำมาทำตะกรุดไม่ไผ่ลวก และสีผึ้งก็นำมาใส่ตลับยาหม่องที่หมดแล้วเป็นต้น จนมีชาวบ้านที่รวมทำบุญใส่บาตรกับหลวงพ่อระหว่างทางธุดงค์ ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมากมายหลายตำบล หลายอำเภอ หลายจังหวัด จนเป็นกำลังสำคัญมาร่วมแรงร่วมใจสร้างพระเจดีย์บรรจุพระธาตุในกาลต่อมา.
ในช่วงปีพ.ศ.๒๕๐๘ ที่หลวงพ่อเริ่มธุดงค์ตามนิมิตนับเป็นขวบปีแรกๆในการตามหาพระธาตุ ในภาษาพูดจะกล่าวว่าหลวงพ่อทราบว่า”พระธาตุมาจุติ” ลักษณะเหมือนกับว่าพระธาตุมีอยู่มาเนินนานแล้วแต่ถ้าไม่มีผู้มีบุญญาธิการ หรือมีบุญบารมี ญาณไม่ถึง ก็จะไม่พบเจอเป็นต้น บุคคลที่จะค้นหาพบจะต้องมีบุญบารมีเชกเช่นเดียวกัน และในปี ๒๕๑๑ หลวงพ่อได้ธุดงค์มาถึงที่เขาพนมเศษ จากการตามหาพระสารีริกธาตุตามที่นิมิตไว้นั้น ในช่วงแรกยังไม่ทราบตำแหน่งที่แน่ชัดเพราะเขาพนมเศษสถานที่กว้างใหญ่และมีต้นไม้ขึ้นรกชัน แต่หลวงพ่อทราบแน่ชัดว่าอยู่ ณ ที่เขาพนมเศษแห่งนี้แน่นอน ท่านก็ได้ทำการปรับพื้นที่บางส่วน เพื่อเป็นเพิงอาสนสถาน ที่จำพรรษา โดยมีลูกศิษย์ลูกหาในพื้นที่ค่อยช่วยเหลือเป็นลำดับแรก หลังจากนั้นได้ค้นพบเจดีย์เก่าและพระธาตุ รวมถึงรอยพระพุทธบาทเดิม จึงอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์เพื่อขอที่จะบูรณะเจดีย์ที่ประดิษฐานพระธาตุเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมที่ปล่อยรกร้างตามกาลเวลา และตามเจตนาของหลวงพ่อในการณ์แรกที่จะดำรงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบต่อไป หลังจากนั้นหลวงพ่อก็ดำริต่อศิษย์ใกล้ชิดในการบูรณะในครั้งนี้ และบอกบุญกับสานุศิษย์ของหลวงพ่อทุกผู้ทุกนาม ทุกจังหวัดก่อนที่ท่านจะนิมิตก็ดี หรือหลังจากนิมิตแล้วธุดงค์ตามหาก็ดี ทำให้ลูกศิษย์ลูกหาก็มารวมแรง รวมใจ สละกำลังกาย กำลังทรัพย์ถวายเป็นกุศลรวมกับหลวงพ่อ จนแล้วเสร็จในปีพ.ศ.๒๕๑๘ ก่อนหน้าพระเจดีย์พระธาตุจะบูรณะแล้วเสร็จสมบูรณ์ หลวงพ่อมีดำริสร้างพระเครื่องออกให้บูชาหรือแจกญาติโยมที่มาช่วยเหลือการบูรณะทำบุญในครั้งนี้ พร้อมทั้งเป็นการเฉลิมฉลองพระเจดีย์พระธาตุที่ใกล้จะแล้วเสร็จด้วย เหรียญรุ่นแรกที่สร้างออกมาเป็นเหรียญทรงใบเสมา เนื้ออัลปาก้า ชุบนิเกิ้ล ด้านหน้าเป็นหลวงพ่อนั่งสมาธิ ด้านหลังเป็นรูปเจดีย์ หลวงพ่อจะจารอักขระเพิ่มด้านหลังเหรียญซึ่งเป็นยันต์ประจำตัวของท่าน ส่วนเหรียญทรงใบเสมาสูงเนื้อทองแดงนั้นหลวงพ่อก็สร้างต่อมาและปลุกเสกในคราวเดียวกัน โดยด้านหน้าเป็นหลวงพ่อนั่งอยู่ด้านหน้าพระเจดีย์พระธาตุ ด้านหลังเป็นอักขระประจำตัวท่าน ซึ่งเหรียญนี้ท่านจะไม่ได้จารเพิ่มเพราะมีอักขระที่ท่านได้ออกแบบกับช่างแกะพิมพ์ไว้แล้ว หลวงพ่อจะเอาเหรียญใส่ย่ามไว้จำนวนหนึ่งเพื่อเอาไว้แจกและให้ลูกศิษย์ทำบุญ เพราะสำนักสงฆ์ยังขาดปัจจัยในการทำนุบำรุงศาสนาอีกจำนวนมาก
ในช่วงแรกที่ท่านได้ออกธุดงค์ปรักกรดเจริญวิปัสนากรรมฐานเพื่อตามหาพระธาตุตามที่ต่างๆนั้น ในช่วงหนึ่งท่านได้ธุดงค์มายังอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัยด้วย ได้ธุดงค์และปรักกรดเจริญวิปัสนากรรมฐาน บริเวณใต้ต้นพิกุล บริเวณหลังที่ว่าการอำเภอศรีสัชนาลัยในปัจจุบัน ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งขององค์การโทรศัพท์ในขณะนี้ ซึ่งในสมัยก่อนนั้นยังเป็นป่า รกร้าง ร่มรื่น แต่ไม่ห่างไกลจากชุมชนชาวบ้านมากนัก ขณะนั้นไม่มีใครทราบว่าหลวงพ่อเป็นใคร และเป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอสานุศิษย์สายจังหวัดสุโขทัย ชาวบ้านเห็นพระมาปรักกรดนั่งสมาธิก็มาทำบุญถวายปิ่นโตให้ ก็เริ่มคุ้นเคยและสนธนาธรรมกัน บางคนก็ขอเมตตาจากท่านขอให้ค้าขายดี ขอยารักษา ใครของหายก็มาขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อท่านก็เมตตากับทุกคนไม่มีแบ่งชั้นวรรณะ นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของลูกศิษย์สายจังหวัดสุโขทัย บางท่านก็เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดที่เป็นโยมอุปัฏฐากที่สำคัญของหลวงพ่อ และบางท่านก็ได้เล่าเรียนวิชากับหลวงพ่อในช่วงต่อมา.
ผู้เข้าชม
2332 ครั้ง
ราคา
-
สถานะ
โชว์พระ
โดย
ไก่นครสวรรค์
ชื่อร้าน
ไก่นครสวรรค์
ร้านค้า
kai-eod.99wat.com
โทรศัพท์
0896402637
ไอดีไลน์
0942922945
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 581-2-24135-6
เหรียญเสมาไตรบารมี ๘๐ ปี หลวงพ
เหรียญเสมา เสือคาบแก้วเล็ก
เหรียญไตรมาส ๖๓ หลวงพ่อพัฒน์ ว
รูปหล่อโบราณหลวงพ่อสุนทร วัดท่
สมเด็จชานหมาก หลวงพ่อพัฒน์
เหรียญหลวงปู่สี พิมพ์หน้าแก่ 2
รายการจัดสร้างเหรียญ เสมาจิ๋ว
พระกริ่ง ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพัฒน์
พระกริ่ง ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพัฒน์
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
ลงพระฟรี
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ลืมรหัสผ่าน
ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
NongBoss
TotoTato
เจริญสุข
ทองธนบุรี
แหลมร่มโพธิ์
chaithawat
termboon
Poomat
ponsrithong2
Zomlazzali
chathanumaan
Pongpasin
หริด์ เก้าแสน
chaokoh
Kshop
BAINGERN
เปียโน
บ้านพระหลักร้อย
Nithiporn
โกหมู
ปลั๊ก ปทุมธานี
พุทธคุณ
DEAW
vanglanna
เทพจิระ
ณัฐฐ์ เสพศิลป์
Pannee26
ep8600
boonyakiat
lord
ผู้เข้าชมขณะนี้ 624 คน
เพิ่มข้อมูล
หลวงพ่อสำเภา สุชาโตภิกขุ สำนักสงฆ์จอมดอยพนมเศษ ต.พนมเศษ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์
ส่งข้อความ
ชื่อพระเครื่อง
หลวงพ่อสำเภา สุชาโตภิกขุ สำนักสงฆ์จอมดอยพนมเศษ ต.พนมเศษ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์
รายละเอียด
อีก 1 เกจิที่เรียกได้ว่าชาวบ้านตำบลพนมเศษเคารพศัทธามากในยุคปี 2500กว่าๆ แต่ในขณะนี้กาลเวลาผ่านไปนาน หรือเรียกได้ว่า เกจิที่ถูกลืม แต่สำหรับลูกศิษย์บางท่านอาจยังไปมาแวะเวียนขึ้นไปกราบสรีระของท่านไม่ขาดเหมือนกัน ณ.ปัจจุบันได้มีพระขึ้นไปอยู่จำพรรษา และสืบสานบูรณะปฏิสังขรณ์ต่อจากหลวงปู่สำเภา แล้ว อยู่ระหว่างกำลังพัฒนา ท่านชื่อ พระอาจารย์เสือ หรืออีกนาม พระมหาอนาลโย
ประวัติหลวงพ่อสำเภา สุชาโตภิกขุ หลวงพ่อสำเภาท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๑ เป็นชาวจังหวัดชัยนาท และเป็นศิษย์ของหลวงพ่ออ่ำ วัดตลุก จังหวัดชัยนาท ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่ออ่ำอายุ ๖๔ ปี และหลวงพ่อสำเภาได้อายุ ๒๐ ปี หลวงพ่อสำเภาในขณะนั้นได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ศึกษาวิชาจากหลวงพ่ออ่ำในห้วงระยะเวลา ๗ ปีหลัง ก่อนหลวงพ่ออ่ำมรณะภาพในปี พ.ศ.๒๔๖๘ ศิริอายุ ๗๑ ปี
ซึ่งมีเอกสารบันทึกอ้างอิงของหลวงพ่อสำเภากล่าวถึงหลวงพ่ออ่ำอยู่ตอนหนึ่ง และช่วงเวลาหลังจากนั้นหลวงพ่อสำเภาท่านก็ได้ศึกษาวิชาจากครูบาอาจารย์ต่างๆด้วยตามช่วงลำดับอายุซึ่งจะกล่าวในโอกาสต่อๆไป
ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๐๘ ขณะที่หลวงพ่ออายุ 67 ปีนั้น หลวงพ่อได้นิมิตถึงพระบรมสารีริกธาตุว่าได้ประดิษฐานอยู่ ณ.ที่แห่งใดแห่งหนึ่งจึงออกธุดงค์ตามหาเพื่อหวังที่จะบูรณะปฏิสังขรณ์เพื่อเป็นการดำรงพุทธศาสนาให้คงอยู่ ตั้งแต่จังหวัดสระบุรีจนถึงจังหวัดสุโขทัย โดยการธุดงค์ปักกรดตามสถานที่ต่างๆ เพื่อค้นหาพระธาตุที่ท่านได้นิมิตถึง
ระหว่างท่านธุดงภ์นั้น ด้วยความเมตตาของท่านๆได้โปรด และช่วยเหลือชาวบ้าน ระหว่างทางไม่ว่าเป็นรักษาชาวบ้านด้วยยาสมุนไพร แก้อาการไข้ บาดเจ็บ รวมถึงอุบัติเหตุต่างๆ ที่ต้องใช้ยาสมุนไพรรักษาเพราะสมัยนั้น ยูกยาหายากยิ่งรวมถึงมีราคาแพง รวมถึงมอบเครื่องรางป้องกันอันตรายจากเภพภัยต่างๆ และเครื่องรางการค้าการขาย
ในสมันนั้นของที่หลวงพ่อมอบให้สานุศิษย์ติดตัวจะทำมาจากของที่หาง่ายตามธรรมชาติ อย่างเช่นไม้ไผ่ลวกก็นำมาทำตะกรุดไม่ไผ่ลวก และสีผึ้งก็นำมาใส่ตลับยาหม่องที่หมดแล้วเป็นต้น จนมีชาวบ้านที่รวมทำบุญใส่บาตรกับหลวงพ่อระหว่างทางธุดงค์ ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมากมายหลายตำบล หลายอำเภอ หลายจังหวัด จนเป็นกำลังสำคัญมาร่วมแรงร่วมใจสร้างพระเจดีย์บรรจุพระธาตุในกาลต่อมา.
ในช่วงปีพ.ศ.๒๕๐๘ ที่หลวงพ่อเริ่มธุดงค์ตามนิมิตนับเป็นขวบปีแรกๆในการตามหาพระธาตุ ในภาษาพูดจะกล่าวว่าหลวงพ่อทราบว่า”พระธาตุมาจุติ” ลักษณะเหมือนกับว่าพระธาตุมีอยู่มาเนินนานแล้วแต่ถ้าไม่มีผู้มีบุญญาธิการ หรือมีบุญบารมี ญาณไม่ถึง ก็จะไม่พบเจอเป็นต้น บุคคลที่จะค้นหาพบจะต้องมีบุญบารมีเชกเช่นเดียวกัน และในปี ๒๕๑๑ หลวงพ่อได้ธุดงค์มาถึงที่เขาพนมเศษ จากการตามหาพระสารีริกธาตุตามที่นิมิตไว้นั้น ในช่วงแรกยังไม่ทราบตำแหน่งที่แน่ชัดเพราะเขาพนมเศษสถานที่กว้างใหญ่และมีต้นไม้ขึ้นรกชัน แต่หลวงพ่อทราบแน่ชัดว่าอยู่ ณ ที่เขาพนมเศษแห่งนี้แน่นอน ท่านก็ได้ทำการปรับพื้นที่บางส่วน เพื่อเป็นเพิงอาสนสถาน ที่จำพรรษา โดยมีลูกศิษย์ลูกหาในพื้นที่ค่อยช่วยเหลือเป็นลำดับแรก หลังจากนั้นได้ค้นพบเจดีย์เก่าและพระธาตุ รวมถึงรอยพระพุทธบาทเดิม จึงอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์เพื่อขอที่จะบูรณะเจดีย์ที่ประดิษฐานพระธาตุเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมที่ปล่อยรกร้างตามกาลเวลา และตามเจตนาของหลวงพ่อในการณ์แรกที่จะดำรงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบต่อไป หลังจากนั้นหลวงพ่อก็ดำริต่อศิษย์ใกล้ชิดในการบูรณะในครั้งนี้ และบอกบุญกับสานุศิษย์ของหลวงพ่อทุกผู้ทุกนาม ทุกจังหวัดก่อนที่ท่านจะนิมิตก็ดี หรือหลังจากนิมิตแล้วธุดงค์ตามหาก็ดี ทำให้ลูกศิษย์ลูกหาก็มารวมแรง รวมใจ สละกำลังกาย กำลังทรัพย์ถวายเป็นกุศลรวมกับหลวงพ่อ จนแล้วเสร็จในปีพ.ศ.๒๕๑๘ ก่อนหน้าพระเจดีย์พระธาตุจะบูรณะแล้วเสร็จสมบูรณ์ หลวงพ่อมีดำริสร้างพระเครื่องออกให้บูชาหรือแจกญาติโยมที่มาช่วยเหลือการบูรณะทำบุญในครั้งนี้ พร้อมทั้งเป็นการเฉลิมฉลองพระเจดีย์พระธาตุที่ใกล้จะแล้วเสร็จด้วย เหรียญรุ่นแรกที่สร้างออกมาเป็นเหรียญทรงใบเสมา เนื้ออัลปาก้า ชุบนิเกิ้ล ด้านหน้าเป็นหลวงพ่อนั่งสมาธิ ด้านหลังเป็นรูปเจดีย์ หลวงพ่อจะจารอักขระเพิ่มด้านหลังเหรียญซึ่งเป็นยันต์ประจำตัวของท่าน ส่วนเหรียญทรงใบเสมาสูงเนื้อทองแดงนั้นหลวงพ่อก็สร้างต่อมาและปลุกเสกในคราวเดียวกัน โดยด้านหน้าเป็นหลวงพ่อนั่งอยู่ด้านหน้าพระเจดีย์พระธาตุ ด้านหลังเป็นอักขระประจำตัวท่าน ซึ่งเหรียญนี้ท่านจะไม่ได้จารเพิ่มเพราะมีอักขระที่ท่านได้ออกแบบกับช่างแกะพิมพ์ไว้แล้ว หลวงพ่อจะเอาเหรียญใส่ย่ามไว้จำนวนหนึ่งเพื่อเอาไว้แจกและให้ลูกศิษย์ทำบุญ เพราะสำนักสงฆ์ยังขาดปัจจัยในการทำนุบำรุงศาสนาอีกจำนวนมาก
ในช่วงแรกที่ท่านได้ออกธุดงค์ปรักกรดเจริญวิปัสนากรรมฐานเพื่อตามหาพระธาตุตามที่ต่างๆนั้น ในช่วงหนึ่งท่านได้ธุดงค์มายังอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัยด้วย ได้ธุดงค์และปรักกรดเจริญวิปัสนากรรมฐาน บริเวณใต้ต้นพิกุล บริเวณหลังที่ว่าการอำเภอศรีสัชนาลัยในปัจจุบัน ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งขององค์การโทรศัพท์ในขณะนี้ ซึ่งในสมัยก่อนนั้นยังเป็นป่า รกร้าง ร่มรื่น แต่ไม่ห่างไกลจากชุมชนชาวบ้านมากนัก ขณะนั้นไม่มีใครทราบว่าหลวงพ่อเป็นใคร และเป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอสานุศิษย์สายจังหวัดสุโขทัย ชาวบ้านเห็นพระมาปรักกรดนั่งสมาธิก็มาทำบุญถวายปิ่นโตให้ ก็เริ่มคุ้นเคยและสนธนาธรรมกัน บางคนก็ขอเมตตาจากท่านขอให้ค้าขายดี ขอยารักษา ใครของหายก็มาขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อท่านก็เมตตากับทุกคนไม่มีแบ่งชั้นวรรณะ นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของลูกศิษย์สายจังหวัดสุโขทัย บางท่านก็เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดที่เป็นโยมอุปัฏฐากที่สำคัญของหลวงพ่อ และบางท่านก็ได้เล่าเรียนวิชากับหลวงพ่อในช่วงต่อมา.
ราคาปัจจุบัน
-
จำนวนผู้เข้าชม
2333 ครั้ง
สถานะ
โชว์พระ
โดย
ไก่นครสวรรค์
ชื่อร้าน
ไก่นครสวรรค์
URL
http://www.kai-eod.99wat.com
เบอร์โทรศัพท์
0896402637
ID LINE
0942922945
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกสิกรไทย / 581-2-24135-6
กำลังโหลดข้อมูล
หน้าแรกลงพระฟรี